วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บันทึกอนุทิน ครั้งที4

บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางการศึกษาปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน ดร.จินตนา สุขสำราญ
วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559
ครั้งที่ 4 เวลาเรียน 14.30-17.00 น.




ความรู้ที่ได้รับ
     ในสัปดาห์นี้อาจารย์ได้ให้นำเสนองานจากที่ไปศึกษาค้นคว้าในสัปดาห์ที่แล้ว ในหัวข้อการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบของมอนเตสซอรี่




การจัดการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่(Montessori Method)
ผู้เขียน: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บุบผา เรืองรอง






การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ เป็นการนำวิธีการสอนเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้าที่ประสบความสำเร็จมาใช้กับเด็กปฐมวัย โดยให้เด็กจับต้องสื่อหรือเล่นอุปกรณ์ต่างๆ ที่เลือกเอง ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างมีสมาธิและสร้างสรรค์ เด็กสามารถประสมคำ อ่านคำและฝึกเขียนหนังสือได้ด้วยตนเองตามความสนใจตั้งแต่อายุ 4-5 ปี

การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ คือ

         การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน ให้เสรีภาพแก่เด็ก ให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อม โดยครูคำนึง ถึงความสนใจ ความต้องการและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ของเด็กและยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วย การจัดการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะคำนึงถึงเด็กเป็นสำคัญ ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระ จัดสิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์ให้เด็กได้ฝึกทักษะกลไกผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า รู้จักควบคุมการทำงานด้วยตัวเอง เพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กคือ ผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้ หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้านคือ

ด้านทักษะกลไก (Motor Education) หรือกลุ่มประสบการณ์ชีวิต มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการดูแลและจัดการสิ่งแวดล้อม การทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ ความรับผิดชอบและการประสานสัมพันธ์ให้สมดุล เด็กจะทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน การดูแลตนเอง การจัดการเกี่ยวกับของใช้ในบ้าน เช่น การตักน้ำ การตวงข้าว การขัดโต๊ะไม้ การเย็บปักร้อย การรูดซิป การพับและเก็บผ้าห่ม หรือมารยาทในการรับประทานอาหารเป็นต้น
ด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses) มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการสังเกต การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติ รูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ เด็กจะได้รู้จักทรงกระบอก ลูกบาศก์ ปริซึม แขนงไม้ ชุดรูปทรงเรขาคณิต บัตรประกอบแถบสี กระดานสัมผัส แผ่นไม้ แท่งรูปทรงเรขาคณิต กิจกรรมที่จัดให้เด็กปฏิบัติผ่านการเล่น เช่น หอคอยสีชมพู แผ่นไม้สีต่างๆ เศษผ้าสีต่างๆ รูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ รูปทรงกระบอก ระฆัง กล่อง และขวดบรรจุของมีกลิ่น แท่งไม้สีแดงและแท่นวางเป็นขั้นบันได ถุงที่ซ่อนสิ่งลึกลับ เป็นต้น
ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For Writing and Arithmetic) หรือกลุ่มวิชา การ มีจุดประสงค์เพื่อเตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษา เตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติ การประสมคำ คณิตศาสตร์ การศึกษาทางพฤกษศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การประพันธ์เพลง การเคลื่อนไหวมือ เด็กจะเรียนเกี่ยวกับตัวเลข กล่องชุดอักษร ชุดแผนที่ เครื่องมือ โน้ตดนตรี กล่องและแท่งสี อักษรกระดาษทราย แผ่นโลหะชุดรูปทรงเรขาคณิต ชุดแต่งกาย เป็นต้น 





การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีที่มา


         การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เกิดจากแนวคิดของมาเรีย มอนเตสซอรี่ (Maria Montessori) แพทย์หญิงชาวอิตาลีที่มีความเชื่อว่า “การให้การศึกษากับเด็กในวัยเริ่มต้น ไม่ใช่การนำความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการทางธรรม ชาติของเขา” มอนเตสซอรี่เริ่มต้นนำแนวการสอนนี้ไปใช้กับเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้า โดยประดิษฐ์สื่อวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง โดยเน้นการฝึกฝนทางด้านประสาทสัมผัสจับต้อง บิดหรือหมุนด้วยมือ เพื่อให้สมองทำหน้าที่ตอบสนองได้ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ความสำเร็จ ความล้มเหลว รู้จักแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยตัวเอง เกิดแรงผลักดันที่เด็กทำให้เกิดขึ้นเอง และมีระเบียบวินัยที่เกิดจากความเป็นอิสระของเด็ก โดยไม่จำเป็นต้องมีคำติชมของผู้ใหญ่ หรือการให้รางวัลและการลงโทษ มอนเตสซอรี่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งเมื่อเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้าเหล่านั้นสามารถอ่าน เขียน สอบผ่านและเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ และยังใช้ได้ผลดีกับเด็กปกติอีกด้วย วิธีการสอนของมอนเตสซอรี่จึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก


ครูแบบมอนเตสซอรี่เป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวก คอยให้คำแนะนำ ปรึกษา โดยเตรียมการสอนและสิ่งแวดล้อมอย่างมีจุดมุ่งหมาย ครูสาธิตการใช้อุปกรณ์ให้เด็กดูอย่างเงียบๆ เปิดโอกาสให้เด็กตัดสินใจเองว่าจะเลือกทำงานหรือฝึกหัดอุปกรณ์ชิ้นใด โดยไม่จำต้องมีคำติชม หรือการให้รางวัลและการลงโทษ และต้องไม่คาดหวังว่าเด็กทุกคนจะทำอะไรได้เหมือนกันหมด แต่ครูต้องพยายามหาทางส่งเสริมให้ทุกคนอย่างเหมาะสม



การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
    จากการเรียนในวันนี้ทำให้ได้รับประโยชน์ในเรื่องของการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยในรูปแบบต่างๆ ซึ่งทำให้เราสามารถนำความรู้ที่ได้รับในวันนี้ไปพัฒนาปรับใช้กับตนเองได้เป็นอย่างดี ทำให้เราเข้าใจเด็กปฐมวัยมากขึ้น และได้ศึกษาวิธีการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆที่หลากหลาย ซึ่งมีประโยชน์มากๆ


ประเมินตนเอง 
   วันนี้เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ตั้งใจนำเสนองานเป็นอย่างดี และให้ความร่วมมือในการเรียนการสอนเป็นอย่างดี รวมถึงนำข้อเสนอแนะของอาจารย์ไปปรับใช้และเสนอต่ออาจารย์ 


ประเมินเพื่อน
    เพื่อนทุกคนเข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย และมีวิธีนำเสนองานที่เเตกต่างกันไป ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆในการนำไปประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดี


ประเมินอาจารย์
    อาจารย์มีข้อเสนอเเนะในเรื่องการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย แต่ละแบบเป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เราพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นในอนาคตได้ และทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีกด้วย
    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น